วันอังคารที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2555

วันวาเลนไทน์

         



รักนะคะ
วันวาเลนไทน์ 
วันแห่งความรัก
 
ดอกไม้ในวันวาเลนไทน์
ดอกกุหลาบสีแดงกลายเป็นสัญลักษณ์ของวันวาเลนไทน์

      เดือนกุมภาพันธ์เป็นเดือนที่อบอวลไปด้วยการแสดงถึงความรัก ความห่วงใยถึงคนที่เราปรารถนาดีและอยากให้เขามีความสุข และเป็นที่รับรู้กันทั่วโลก ว่าวันที่ 14 กุมภาพันธ์ เป็นวันแห่งความรักหรือวันวาเลนไทน์ (Valentine’s Day) อันว่าความรักนั้น เป็นสิ่งที่อยู่คู่กับมนุษย์มาช้านาน และมนุษย์ทุกคนล้วนมีความรักอยู่ภายในใจมากหรือน้อยแตกต่างกันไป
 
     แล้วความรักคืออะไร ผู้อ่านหลายท่านคงมีคำตอบสำหรับตนเองอยู่แล้ว บางคนอาจตอบว่าความรักคือ ความรู้สึกซึ่งมีความรู้สึกหลายๆ แบบปนกันอยู่ ความรัก คือ สิ่งเติมเต็มให้ชิวิตไม่รู้สึกขาดอะไรไปอย่างหนึ่ง บางคนอาจตอบว่าความรัก เป็นนามธรรมที่มองไม่เห็นเเต่สามารถสัมผัสได้ด้วยหัวใจ บางคนอาจตอบว่า ความรักคือทุกสิ่งทุกอย่างของชีวิต เป็นต้น ส่วนคำว่า “รัก” ในพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน   พุทธศักราช 2525 มีความหมายว่า “ชอบอย่างผูกพันพร้อมด้วยความชื่นชมยินดี” ส่วนในภาษาอังกฤษนั้น จะขอยกตัวอย่างของคำว่า "LOVE" จากหนังสือชื่อ New Model English - Thai Dictionary  โดยดูหลักในการนำพยัญชนะมาผสมรวมเป็นคำ และความประสงค์ของผู้บัญญัติศัพท์ว่า LOVE โดยการเรียงพยัญชนะ  ก็จะพบกับความหมายใหม่ ดังนี้

คำว่า LOVE
LOVE หรือ คำว่า "รัก" 
 

L ตัวแรก น่าจะหมายถึง  Lake  of  sorrow   ทะเลสาบแห่งความเศร้าโศก
O ตัวที่สอง  น่าจะหมายถึง Ocean  of  tear   ห้วงทะเลแห่งน้ำตา
V ตัวที่สาม  น่าจะหมายถึง  Vagen  of  death   หุบเขาแห่งความตาย
E ตัวที่สี่  น่าจะหมายถึง  End  of  life  จุดจบของชีวิต        
      ถ้าหากความรักมีความหมายตามแบบการผสมอักษรดัง 4 ตัวข้างต้นนั้น ความรักจะเป็นสิ่งสวยงามได้จริงหรือ เพราะความหมายของคำว่า LOVE นั้นก็บอกอยู่ว่ามันไม่ได้เป็นสิ่งสวยงามเลยซักเท่าใด แต่ในทางพระพุทธศาสนาแล้วมีหลักคำสอนที่สำคัญประการหนึ่งเกี๋ยวกับความรัก นั้นคือหลักความเมตตา หรือความรักความปรารถนาดีต่อคนอื่น หรือในความหมายที่กว้างออกไป คือความรักที่มีต่อมนุษย์ด้วยกัน ตลอดถึงสรรพสัตว์ที่เป็นเพื่อนทุกข์  เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น  ในทางพระพุทธศาสนาได้กล่าวถึงการเกิดของความรักไว้หลายนัยด้วยกัน แต่ในที่นี้ขอนำมากล่าวเพียง 2 ประการ คือ

1.  ปุพเพสันนิวาส  การอยู่ร่วมกันในอดีตชาติ คือการที่เคยอยู่ร่วมกันมา เคยคบหาสนิทสนมชอบพออัธยาศัยกันมา หรือเคยเลี้ยงดูกันมา เคยทำบุญเกื้อหนุนกัน เมื่อมาพบกันในชาตินี้ แม้ในคราวแรกพบก็เกิดความนิยมชมชอบรู้สึกสนิทสนมคุ้นเคยอย่างรวดเร็ว หรือที่เรียกว่า "รักแรกพบ" นั้นเอง โดยที่หาสาเหตุไม่ได้ว่าทำไมจึงนิยมชมชอบบุคคลผู้นั้นอย่างจริงๆ จังๆ  ตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้พบเห็น

2. การช่วยเหลือเกื้อกูลกันในชาติปัจจุบัน เป็นเหตุผลที่ชัดเจนอยู่ในตัว คือการเกื้อกูลกันในปัจจุบันนั้นคือทำให้เกิดความสนิทสนมรักใคร่ไว้วางใจใน ฐานะเป็นกัลยาณมิตร คือการแสดงออกในรูปของการอุปการะร่วมสุขร่วมทุกข์แนะนำประโยชน์ และมีความรักใคร่ เห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกัน จึงเกิดความรัก ความเมตตาต่อกันขึ้น

วาเลนไทน์วันแห่งความรัก
 สัญลักษณ์รูปหัวใจที่นิยมมอบให้ในวันวาเลนไทน์ 

      หากมวลมนุษยชาติในโลกกว้างใหญ่ใบนี้  ได้รับการศึกษาและปฏิบัติตามหลักคำสอนในพุทธศาสนาแล้ว การเรียกร้องหาความรักและสันติภาพเพื่อให้เกิดขึ้นในสังคมโลกอย่างที่พยายามกันในปัจจุบันคงไม่เป็นเรื่องลำบากจนเกินไป เพราะหลักคำสอนของพระพุทธศาสนาเป็นคำสอนแห่งสันติสุขและสันติภาพ  จากการศึกษาประวัติศาสตร์พระพุทธศาสนาไม่มีสักหน้าเดียวที่เปื้อนด้วยเลือด ของบุคคลผู้เคราะห์ร้ายเพราะเหตุแห่งการประกาศพระสัจธรรมและเผยแผ่พระพุทธศาสนา ด้วยการแย่งชิงศาสนิกชนหรือความเกลียดชังทางศาสนา

    ความรักเป็นอำนาจอย่างหนึ่งในจิตใจมนุษย์ ที่มีอิทธิพลมากมาย และสามารถก่อให้เกิดอารมณ์อันหลากหลายที่ตรงกันข้ามกันได้อย่างไม่น่าเชื่อ ไม่ว่าจะเป็นความสุข ความทุกข์ ความยินดี ความซึมเศร้า ความเฉื่อยชาและความกระตือรืนร้น นักกวีบางท่านได้กล่าวไว้ว่า ความรักทำให้โลกหมุน ทำให้คนชั่วกลับ กลายเป็นคนดี ความรักบันดาลได้มากมาย ที่สำคัญความรักมิได้มีความหมายเพียงความรักระหว่างหนุ่มสาวเท่านั้น แต่ยังครอบคลุมไปถึงความรักระหว่าง พ่อแม่กับลูก อาจารย์กับศิษย์ เพื่อนฝูงต่อเพื่อนฝูง รวมไปถึงความรักที่มนุษย์มีต่อมวลมนุษย์ และสิ่งต่างๆ ที่อยู่ร่วมโลกเดียวกันอีกด้วย ความรัก มีความ หมายที่กว้างขวาง ไร้ขอบเขตจำกัด อีกทั้งยังเป็นสิ่งที่ทำให้มนุษย์ทุกชาติทุกภาษาอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติสุข
 
     ความรักผ่านเข้าออกดวงใจของเรานับตั้งแต่แรกเกิด ลืมตาดูโลก พบกับพ่อแม่ ผู้ให้ความอบอุ่นเลี้ยงดูแลอย่างทะนุถนอม และญาติพี่น้องผู้มีสายเลือดใกล้ชิด เมื่อเติบใหญ่ขึ้นจึงได้รู้จักกับเพื่อนทั้งหญิงและชายวัยเดียวกันหรือต่างวัย ความรักก็เริ่มแตกกิ่งก้านสาขาออกไป จนกระทั่งได้พบคนที่ถูกอกถูกใจ หวังให้มาเป็นคู่ชีวิต ความรักได้ผลิบานออกไปในอีกรูปแบบหนึ่ง เมื่อตกลงปลงใจใช้ชีวิตร่วมกัน จนกระทั่งมีลูก ช่วงที่เลี้ยงดูลูกด้วยความรัก ก็เป็นอีกฤดูกาลหนึ่งของชีวิต จนกระทั่งย่างเข้าสู่วัยชรา ความรักประสาวัยรุ่นที่คึกคะนองพลันอันตรธานไป แปรเปลี่ยนเป็นความรักความห่วงใยในลูกหลานและบริวารตามอย่างของผู้สูงอายุ แล้วเหตุใดถึงมีวันวาเลนไทน์เกิดขึ้นมาติดตามได้ในประวัติของวันวาเลนไทน์ ข้างล่างนี้
 
สุขสันต์วันแห่งความรัก
สุขสันต์วันวาเลนไทน์

ประวัติวันวาเลนไทน์ (Valentine's Day)
 
     วันวาเลนไทน์ (Valentine) คือวันที่ระลึกถึง นักบุญเซนต์วาเลนไทน์ ผู้เปี่ยมไปด้วยความรัก ความปรารถนาดี ต่อเพื่อนมนุษย์อย่างแท้จริง แต่สุดท้ายเขาต้องจบชีวิตลงด้วยการรับโทษประหารในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 270 หรือเมื่อประมาณ 1,728 ปีล่วงเลยมาแล้ว ซึ่งเป็นยุคสมัยของจักรวรรดิโรมันที่ศาสนาคริสต์ยังไม่เป็นที่ยอมรับ ซํ้าร้ายภายใต้การปกครองของกษัตริย์คลอดิอุสที่ 2 ผู้ออกกฎหมายบีบบังคับให้ประชาชนเลิกนับถือ และห้ามให้มีแต่งงานของพวกคริสเตียนเกิดขึ้น แต่ยังคงมีผู้นำคริสเตียนคนหนึ่งชื่อ "วาเลนตินัส" หรือที่ได้รับการยกย่องเป็น เซนต์วาเลนไทน์ ในภายหลัง คอยลักลอบแอบจัดงานแต่งงานให้กับคู่รักคริสเตียนจนถูกจับขังและรับโทษทรมานแสนสาหัสอยู่ในคุก

      ในขณะที่ถูกคุมขังนั้น เขาก็พบรักกับสาวตาบอด ซึ่งเธอเป็นลูกสาวของผู้คุมในคุก ด้วยความรักและคำอธิษฐานของเขา พระเจ้าได้ทรงโปรดให้ตาของสาวคนรักหายเป็นปกติ เมื่อความนี้ล่วงรู้ถึงหูกษัตริย์คลอดิอุสที่ 2 พระองค์จึงสั่งให้ลงโทษ วาเลนตินัส ด้วยการโบยและนำไปประหารชีวิตด้วยการตัดศีรษะ ในคืนสุดท้ายก่อนที่เขาจะถูกนำไปประหารนั้น ได้เขียนจดหมายสั้น ๆ เป็นการอำลาส่งไปให้หญิงคนรักของเขา โดยลงท้ายในจดหมายว่า "...จากวาเลนไทน์ของเธอ (Love From Your Valentine)" ต่อมาเมื่อคนทั่วไปทราบเรื่องราวจึงเกิดความประทับใจในความรักของเขา ยึดถือเอาวันที่14 กุมภาพันธ์ ของทุกปีเป็น "วันแห่งความรัก" หรือ "วันวาเลนไทน์"  และได้นิยมแพร่หลายไปทั่วยุโรป อเมริกา รวมทั้งในทวีปเอเชียด้วย
 
ธรรมเนียมที่ถือปฏิบัติในวันแห่งความรักหรือวันวาเลนไทน์
 
     ในแต่ละประเทศจะมีประเพณีหรือการปฏิบัติที่แตกต่างกันบ้าง ในวันวาเลนไทน์นี้ แต่โดยรวมแล้วจะมีการเฉลิมฉลองที่เป็นการแสดงถึงความรักที่มีระหว่างกัน ต่อมาเมื่อความเจริญก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีทางด้าน การพิมพ์เข้ามาเกี่ยวข้องมีการพิมพ์บัตร อวยพรโดยเข้ามาแทนที่จดหมายที่ เขียนด้วยลายมือ และปัจจุบันก็มีการส่งบัตรอวยพรทางออนไลน์เพื่อแสดงถึงความก้าวหน้าของเทคโนโลยีสารสนเทศที่ช่วยให้คนที่ต้องการแสดงความรักความห่วงใย ถึงคนที่รักได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้นหรือ จะเป็นการส่งดอกกุหลาบสีแดง การมอบช็อคโกแลตให้แด่คนที่เรารัก นี่คือประเพณีส่วนใหญ่ที่นิยมปฏิบัติในวันวาเลนไทน์
 
ของขวัญวันวาเลนไทน์
 ของขวัญวันวาเลนไทน์ 
  
     ในส่วนของประวัติวันวาเลนไทน์นี้ เป็นเรื่องที่เล่าต่อๆ กันมาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งไม่มีใครทราบว่าเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงหรือเปล่า แต่ไม่ว่าประวัติที่แท้จริงจะเป็นอย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันนี้เราก็ได้ถือว่าวันวาเลนไทน์เป็นวันสำคัญวันหนึ่งของปีเลยทีเดียว ส่วนวันแห่งความรักในมุมมองของพระพุทธศาสนาคือ“ วันมาฆบูชา ” อันเป็นวันสำคัญยิ่งทางพุทธศาสนาอีกวันหนึ่ง เป็น “ วันแห่งความรัก ” ทั้งนี้ เนื่องจากวันดังกล่าวได้เกิดเหตุการณ์พิเศษที่เรียกว่า “ จาตุรงคสันนิบาต ” ขึ้น อีกทั้งยังเป็นวันที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ประกาศหลักการและอุดมการณ์แห่งพุทธศาสนา อันมีเนื้อหาหลักว่าด้วยการส่งเสริมให้มวลมนุษย์ตั้งมั่นในการทำความดี ละความชั่ว ไม่เบียดเบียนซึ่งกันและกัน นั่นก็คือ ทรงสอนให้ทุกคนมีความรักอันยิ่งใหญ่ เป็นรักที่ไม่เห็นแก่ตัว เมตตาต่อเพื่อนร่วมโลก โดยมีพระสงฆ์เป็นผู้นำพระธรรมคำสั่งสอนดังกล่าวไปเผยแพร่

      คำว่า “ มาฆบูชา ” หมายถึง การบูชาในวันเพ็ญเดือนมาฆะ คือ เดือน ๓ หรือพูดง่ายๆว่า เป็นวันที่พระจันทร์เต็มดวงในคืนขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 นั่นเอง เหตุที่พุทธศาสนิกชนถือว่า “ วันมาฆบูชา ” เป็นวันสำคัญทางพุทธศาสนา ก็เพราะในวันนี้ ในสมัยพุทธกาลเมื่อพระพุทธเจ้าตรัสรู้แล้ว ได้ 9 เดือน ขณะที่เสด็จประทับอยู่ที่วัดเวฬุวัน (วัดแห่งแรกในพุทธศาสนา) ณ เมืองราชคฤห์ แคว้นมคธนั้น พระสงฆ์สาวกที่พระพุทธองค์ได้ส่งออกไปเผยแพร่พุทธศาสนาตามเมืองต่างๆได้ พร้อมใจกันกลับมาเฝ้าพระพุทธเจ้าโดยมิได้นัดหมายกันถึง 1,250 รูป ซึ่งถือว่าเป็นเหตุอัศจรรย์ยิ่ง เพราะสมัยโบราณที่ไม่มีการสื่อสารโทรคมนาคม การนัดหมายคนจำนวนมากที่อยู่คนละทิศคนละทางให้มาพบกันหรือประชุมกันที่ใดที่หนึ่ง เป็นเรื่องที่ยากและแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย โดยเฉพาะการมาของพระพุทธสาวกเหล่านี้ ถือว่าเป็นการมาประชุมพิเศษที่ประกอบด้วยองค์ 4 อันเป็นที่มาของการเรียกวันนี้อีกอย่างว่า “ วันจาตุรงคสันนิบาต ”

วันแห่งความรักในพระพุทธศาสนา
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสสอนเกี่ยวกับความรัก 

      เราจะเห็นได้ว่าธรรมะที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงตรัสสั่งสอนนี้ ล้วนมีความหมายและความสำคัญต่อการดำรงชีวิต ไม่เพียงแต่ผู้อยู่ในเพศบรรพชิตที่บวชเรียนเท่านั้น คฤหัสถ์ผู้ครองเรือน และฆราวาสอย่างพวกเราทุกคนก็สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการดำเนินชีวิตได้เป็นอย่างดี ดังนั้น ในโอกาสดีคือวันวาเลนไทน์  จึงขอเชิญชวนให้ทุกท่านใช้วันแห่งความรักนี้ ด้วยการตามรอยพระบรมศาสดา มอบความรัก ความเมตตาต่อตนเอง ครอบครัว คนรอบข้าง และมวลมนุษยชาติทุกเชื้อชาติ ทุกเผ่าพันธุ์  โดยการประพฤติปฏิบัติตามหลักธรรมคำสั่งสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า คือการพูดดี คิดดี ทำดี ไม่คิดร้ายทำลายผู้อื่นทั้งกาย วาจา และใจ เพียงเท่านี้ สังคมทุกสังคมบนโลกกว้างใบนี้ก็จะเกิดความสงบสุข ในวันแห่งความรัก และทุกๆ วันตลอดเวลาและตลอดไป
 
บทความที่เกี่ยวข้องกับวันวาเลนไทน์ วันแห่งความรัก และวันมาฆบูชาวันแห่งความรักในพระพุทธศาสนา
 
 

MV เพลงวันวาเลนไทน์ เหมาะมากสำหรับเทศกาลวันวาเลนไทน์




ตำนานดอกกุหลาบ
ดอกกุหลาบ






          เคยได้ยินคำเปรียบเปรยไหมที่ว่า ผู้หญิงสวยแต่เต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมก็เปรียบได้ดัง "ดอกกุหลาบ" เพราะดอกกุหลาบนั้น แม้จะมีรูปร่างภายนอกที่สวยงามร วมถึงกลิ่นที่หอมชวนดม แต่มันก็มีหนามแหลม หากไม่ระวังอาจโดนบาดได้ง่าย ๆ

          กุหลาบนั้นมีชื่อสามัญว่า "Rose" ชื่อทางพฤกษาศาสตร์ว่า "Rosa hybrids" และมีชื่อวงศ์ว่า "Rosaceae" ขยายพันธุ์โดยการตอนกิ่ง ลักษณะของกุหลาบนั้นมีทั้งไม้พุ่มและไม้เลื้อย ลำต้นและกิ่งจะมีหนาม ส่วนดอกของกุหลาบจะมีทั้งดอกเดี่ยวและเป็นช่อ กลีบดอกมีลักษณะใหญ่ มีไม่ต่ำกว่า 5 กลีบ กุหลาบนั้นมีกลิ่นหอมชวนดม และมีหลายสี เช่น แดง ขาว เหลือง ชมพู ฯลฯ อีกทั้งยังมีหลายชนิดด้วย

          ซึ่งคำว่ากุหลาบนั้นมาจากคำว่า "คุล" ที่ในภาษาเปอร์เซียแปลว่า "สีแดง ดอกไม้ หรือดอกกุหลาบ" โดยในภาษาฮินดีก็มีคำว่า "คุล" แปลว่า "ดอกไม้" และคำว่า "คุลาพ" ก็หมายถึงกุหลาบอย่างที่ไทยเราเรียกกัน แต่ออกเสียงเป็น "กุหลาบ" ส่วนคำว่า "Rose" ในภาษาอังกฤษนั้นมาจากคำว่า "Rhodon" ที่แปลว่ากุหลาบในภาษากรีก


ดอกกุหลาบ

ดอกกุหลาบ

          โดยกุหลาบเป็นดอกไม้ที่นิยมปลูกมาแต่โบราณ ว่ากันว่ากุหลาบเกิดขึ้นเมื่อ 70 ล้านปีมาแล้ว และเคยมีการค้นพบฟอสซิลของกุหลาบที่ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยแต่ก่อนกุหลาบนั้นเป็นกุหลาบป่าและมีรูปร่างไม่เหมือนในทุกวันนี้ แต่เนื่องจากมนุษย์ได้นำเอากุหลาบป่ามาปลูกและผสมพันธุ์จนขยายเป็นพันธุ์ต่าง ๆ มากมาย

          ตามประวัติศาสตร์เล่าว่ากุหลาบป่าถูกนำมาปลูกไว้ในพระราชวังของจักรพรรดิ์ ในสมัยราชวงศ์ฮั่นราว 5,000 ปีมาแล้ว ขณะที่อียิปต์เองก็ปลูกกุหลาบเป็นไม้ดอกส่งไปขายให้แก่ชาวโรมัน เพราะชาวโรมันเป็นชาติที่รักดอกกุหลาบมาก แม้ว่าจะสั่งซื้อจากประเทศอียิปต์แล้วก็ตาม แต่ก็ยังลงทุนสร้างสถานที่ขนาดใหญ่สำหรับปลูกดอกกุหลาบอีกด้วย เพราะสำหรับชาวโรมันแล้วดอกกุหลาบนั้นมีความสำคัญต่อชีวิตประจำวัน อีกทั้งชาวโรมันถือว่าดอกกุหลาบเป็นสัญลักษณ์ของความรัก เป็นทั้งของขวัญ และเป็นดอกไม้สำหรับทำมาลัยต้อนรับแขก รวมถึงเป็นดอกไม้สำหรับงานฉลองต่าง ๆ แถมยังเป็นส่วนประกอบสำหรับทำขนม ทำไวน์ และยาได้อีกด้วย

          และเมื่อเอ่ยถึงดอกกุหลาบแล้ว หลาย ๆ คนก็คงจะนึกถึงเรื่องความรัก เพราะกุหลาบถือเป็นสัญลักษณ์ของความรักและความโรแมนติก โดยมีบางตำนานเล่าว่า ดอกกุหลาบเป็นเสมือนเครื่องหมายแทนการกำเนิดของ เทพธิดาวีนัส ซึ่งเป็นเทพแห่งความงามและความรัก วีนัสเป็นที่รู้จักกันในชื่อ อโฟรไดท์ ในตำนานเทพของกรีกได้กล่าวไว้ว่า น้ำตาของเธอหยดลงปะปนกับเลือดของ อคอนิส คนรักของเธอที่ถูกหมูป่าฆ่า เลือดและน้ำตาหยดลงสู่พื้นแล้วกลายเป็นดอกไม้สีแดงเข้มหรือดอกกุหลาบนั่นเอง แต่บางตำนานก็เล่าว่าดอกกุหลาบเกิดจากเลือดของ อโฟรไดท์ เองที่หยดลงสู่พื้น เมื่อเธอแทงตัวเองด้วยหนามแหลม 

          แม้จะไม่มีการบันทึกอย่างชัดเจนว่าดอกกุหลาบนั้นเข้ามาเกี่ยวข้องกับบ้านเราตอนไหน แต่จากบันทึกของ ลา ลูแบร์ ราชทูตฝรั่งเศสในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ได้บันทึกไว้ว่าเห็นกุหลาบที่กรุงศรีอยุธยา และในกาพย์ห่อโคลงนิราศธารโศกสมัยกรุงศรีอยุธยา ซึ่งเป็นพระราชนิพนธ์ของเจ้าฟ้าธรรมาธิเบศร์ ก็ได้มีการกล่าวถึงกุหลาบเอาไว้ และยังมีตำนานดอกกุหลาบของไทยที่เป็นบทละครพระราชนิพนธ์ของรัชกาลที่ 6 เรื่อง มัทนะพาธา ในเรื่องเล่าถึงเทพธิดาองค์หนึ่งชื่อ "มัทนา" ซึ่งได้มีเทพบุตรองค์หนึ่งชื่อ "สุเทษณะ" ซึ่งพระองค์ทรงหลงรักเทพธิดา "มัทนา" มาก แต่นางไม่มีใจรักตอบ จึงถูกสาปให้ไปเกิดเป็นดอกกุหลาบ จึงกลายเป็นตำนานดอกกุหลาบแต่นั้นมา

          โดยดอกกุหลาบนั้นสามารถสื่อความหมายได้หลายอย่าง อาทิ
ดอกกุหลาบ 

 สีกุหลาบสื่อความหมาย

           สีแดง สื่อความหมายถึง ความรักและความปราถนา เป็นดอกไม้ของกามเทพ คิวปิด และอีรอส เป็นสิ่งนำโชคนำความรักมาให้แก่หญิงหรือชายที่ได้รับ

           สีชมพู สื่อความหมายถึง ความรักที่มีความสุขอย่างสมบูรณ์

           สีขาว สื่อความหมายถึง ความมีเสน่ห์ ความบริสุทธิ์ มิตรภาพ และความสงบเงียบ และนำโชคมาให้แก่หญิงหรือชายเช่นเดียวกับกุหลาบแดง

           สีเหลือง สื่อความหมายถึง เราเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันเสมอนะ

           สีขาวและแดง สื่อความหมายถึง ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน

           สีส้ม สื่อความหมายถึง ฉันรักเธอเหมือนเดิม

ดอกกุหลาบ
จำนวนกุหลาบสื่อความหมาย

          1 ดอก รักแรกพบ
          2 ดอก แสดงความรู้สึกที่ดีให้กัน
          3 ดอก ฉันรักเธอ
          7 ดอก คุณทำให้ฉันหลงเสน่ห์
          9 ดอก เราสองคนจะรักกันตลอดไป
          10 ดอก คุณเป็นคนที่ดีเลิศ
          11 ดอก คุณเป็นสมบัติชิ้นที่มีค่าชิ้นเดียวของฉัน
          12 ดอก ขอให้เธอเป็นคู่ของฉันเพียงคนเดียว
          13 ดอก เพื่อนแท้เสมอ
          15 ดอก ฉันรู้สึกเสียใจจริงๆ
          20 ดอก ฉันมีความจริงใจต่อเธอ
          21 ดอก ชีวิตินี้ฉันมอบเพื่อเธอ
          36 ดอก ฉันยังจำความหลังอันแสนหวาน
          40 ดอก ความรักของฉันเป็นรักแท้
          99 ดอก ฉันรักเธอจนวันตาย
          100 ดอก ฉันอุทิศชีวิตนี้เพื่อเธอ
          101 ดอก ฉันมีคุณเพียงคนเดียวเท่านั้น
          108 ดอก คุณจะแต่งงานกับฉันไหม
          999 ดอก ฉันจะรักคุณจนวินาทีสุดท้าย
 

ความหมายอื่น

            กุหลาบแดงเข้ม (สีเหมือนไวน์แดง) "เธอช่างมีเสน่ห์งามเหลือเกิน"

            กุหลาบตูมสีแดง "ฉันเริ่มรักเธอแล้วจ้ะ"

            กุหลาบบานสีแดง "ฉันรักเธอเข้าแล้ว"

            กุหลาบสีแดงที่โรยแล้ว "ความรักของเรานั้นจบลงแล้ว"

            กุหลาบตูมสีขาว "เธอช่างไร้เดียงสาน่าทะนุถนอมเหลือเกิน ฉันรักเธอ"

            กุหลาบสีขาวที่โรยแล้ว "เสน่ห์ของเธอมันเริ่มลดน้อยถอยลงแล้วนะจ๊ะ"

           กุหลาบตูม สื่อความหมายถึง ความงามและความเยาว์วัย

          และทั้งหมดนี้ก็คือเรื่องราวที่น่าสนใจของดอกกุหลาบ 


                    
                        

กลอนวันวาเลนไทน์

..คนของเธอ..

ไม่ต้องบอกอะไรที่ใจเจ็บ
ไม่ต้องเก็บ อะไรซ่อนให้หา
ไม่ต้องกลัวอะไรที่ผ่านมา
ไม่ต้องหวั่นแม้ว่าสิ่งน่า กลัว

ไม่ต้องบอกสิ่งฝันเคยผันผ่าน
ไม่ต้องบอกเคยหวานสะท้านทั่ว
ไม่ ต้องบอกใครทำช้ำหมดตัว
ไม่ต้องบอกใครชั่วทำร้ายเธอ

แค่เธอรู้ยัง มีฉันนี้อยู่
ยืนเคียงคู่สร้างฝันทุกวันเสมอ
ไม่ว่าฝันรวดร้าวที่เธอ เจอ
สิ่งพลาดเผลอยังมีฉันนี้เคียง

เพราะฉันพร้อมจะอยู่ดูแลเธอ
แม้น ต้องเจออะไรร้อยร้ายเสี่ยง
ทำเพื่อเธอคนเดียวแค่ขอเพียง
ได้ยินเสียง เธอบอกว่ารักฉัน!

บท ส่งใจ
"ไม่ว่าเธอจะเคยเป็นใคร
จะผ่านอะไรมา
ขอจงอย่าเป็นกังวล
นี่คือคนของเธอ
เป็นคนที่รักเธอ ..ตลอดไป "





4 ความคิดเห็น: